วันเสาร์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2562

แนวข้อสอบกพ.ชุดที่ 3 พร้อมเฉลย (พิเศษ)


1.สิทธิและเสรีภาพที่รัฐธรรมนูญนี้รับรองไว้โดยชัดแจ้งโดยปริยาย หรือโดยคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญย่อมได้รับความคุ้มครองและผูกพันกับผู้ใดหรือหน่วยงานใด
ก.รัฐสภา
ก.เท่าที่ไม่ละเมิดสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่น
ง.ถูกทุกข้อ*
ค.มโนธรรม
ก.เวลาที่ประเทศอยู่ในภาวะสงครามหรือการรบ
ข.ส่วนได้เสียสำคัญอื่นใดที่เกี่ยวกับตนหรือชุมชนท้องถิ่น
ก.ไม่กำหนดเวลา                               ข.ภายในเวลาอันสมควร*
ง.ถูกทุกข้อ*
ก.มี ส.ส.ได้ 500 คน และ มี ส.ว.ได้ 200 คน*
ข.คณะรัฐมนตรี
ค.ศาลและองค์กรอื่นของรัฐ โดยตรงในการตรากฎหมาย การใช้บังคับกฎหมายและการตีความกฎหมายทั้งปวง
ง.ถูกทุกข้อ*
2.บุคคลย่อมอ้างศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ หรือใช้สิทธิและเสรีภาพของตนได้ขนาดใด
ข.เท่าที่ไม่เป็นปฏิปักษ์ต่อรัฐธรรมนูญ
ค.เท่าที่ไม่ขัดต่อศีลธรรมอันดีของประชาชน
ง.ถูกทุกข้อ*
3.บุคคลซึ่งถูกละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพที่รัฐธรรมนูญรับรองไว้ สามารถยกบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้เพื่อใช้สิทธิทางศาลหรือยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้คดีในศาลได้หรือไม่
ก.ได้*                                                 ข.ไม่ได้
ค.ขึ้นอยู่กับรูปคดี                              ง.ถูกทุกข้อ
4.การจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคลที่รัฐธรรมนูญรับรองไว้จะกระทำมิได้ เว้นแต่โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายเฉพาะ เพื่อการที่รัฐธรรมนูญนี้กำหนดไว้และเท่าที่จำเป็นเท่านั้น และจะกระทบกระเทือนสาระสำคัญแห่งสิทธิและเสรีภาพนั้นได้หรือไม่
ก.ได้                                                  ข.ไม่ได้*
ค.ไม่แน่นอน                                     ง.ขึ้นอยู่กับรูปคดี
5.บุคคลย่อมเสมอกันในกฎหมายและได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายเท่าเทียมกันชายและหญิงมีสิทธิอย่างไร
ก.ชายมากกว่าหญิง                           ข.หญิงมากกว่าชาย
ค.เท่าเทียมกัน*                                  ง.ขึ้นอยู่กับสถานภาพของชายและหญิงนั้น
6.การเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมต่อบุคคล เพราะเหตุแห่งความแตกต่างในเรื่องถิ่นกำเนิด เชื้อชาติ ภาษา เพศ อายุ สภาพทางการ หรือสุขภาพ สถานะของบุคคล ฐานะทางเศรษฐกิจหรือสังคม ความเชื่อทางศาสนาการศึกษาอบรม หรือความคิดเห็นทางการเมือง อันไม่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญจะกระทำได้หรือไม่
ก.ได้                                                  ข.ไม่ได้*
ค.ไม่แน่ชัด                                        ง.ไม่แน่ใจ
7.บุคคลย่อมมีสิทธิและเสรีภาพในชีวิตและร่างกาย การจับกุม คุมขัง ตรวจค้นตัวบุคคลหรือการกระทำใดอันกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพจะกระทำมิได้ เว้นแต่โดยอาศัยอำนาจอะไร
ก.นายกรัฐมนตรี                                         ข.อำนาจรัฐมนตรี
ค.อำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย*       ง.ถูกทุกข้อ
8.บุคคลจะไม่ต้องรับโทษอาญา เว้นแต่จะได้กระทำการอันกฎหมายที่ใช้อยู่ในเวลาที่กระทำนั้น บัญญัติเป็นความผิดและกำหนดโทษไว้ และโทษที่จะลงแก่บุคคลนั้นจะหนักกว่าโทษที่กำหนดไว้ในกฎหมายที่ใช้อยู่ในเวลาที่กระทำความผิดได้หรือไม่
ก.ได้                                                  ข.ไม่ได้*
ค.ไม่แน่ชัด                                        ง.ขึ้นอยู่กับสถานการณ์
9.ในคดีอาญา ต้องสันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้ต้องหาหรือจำเลยมีความผิดหรือไม่ ก่อนมีคำพิพากษาอันถึงที่สุดแสดงว่าบุคคลใดได้กระทำผิด จะปฏิบัติต่อบุคคลนั้นเสมือนเป็นผู้กระทำความผิดมิได้
ก.ไม่มีความผิด*                               ข.มีความผิด
ค.ขึ้นอยู่กับเหตุการณ์                        ง.ถูกทุกข้อ
10.สิทธิของบุคคลในครอบครัว เกียรติยศ ชื่อเสียง หรือความเป็นอยู่ส่วนตัว ย่อมได้รับความคุ้มครองการกล่าวหรือไขข่าวแพร่หลาย ซึ่งข้อความหรือภาพไม่ว่าด้วยวิธีใด ไปยังสาธารณชนอันเป็นการละเมิดหรือกระทบถึงสิทธิของบุคคลในครอบครัว เกียรติยศชื่อเสียง หรือความเป็นอยู่ส่วนตัว จะกระทำมิได้ เว้นแต่กรณีที่เป็นอย่างไร
ก.ประโยชน์ต่อสาธารณชน *             ข.ประโยชน์ต่อรัฐบาล
ค.ประโยชน์ต่อการปกครอง              ง.ประโยชน์ต่อส่วนบุคคล
11.บุคคลย่อมมีเสรีภาพในเคหสถาน บุคคลย่อมได้รับความคุ้มครองในการที่จะอยู่อาศัยและครอบครองเคหสถานโดยปกติสุข การเข้าไปในเคหสถานโดยปราศจากความยินยอมของผู้ครอบครองหรือการตรวจค้นเคหสถานจะกระทำมิได้ เว้นแต่โดยอาศัยอำนาจตามอะไร
ก.บทบัญญัติแห่งกฎหมาย *               ข.ตามคำสั่งเจ้าพนักงานของรัฐ
ค.ตามผู้ปกครอง                                ง.ถูกทุกข้อ
12.บุคคลย่อมมีเสรีภาพในการสื่อสารถึงกันโดยทางที่ชอบด้วยกฎหมาย การตรวจ การกักหรือการเปิดเผยสิ่งสื่อสารที่บุคคลติดต่อถึงกัน รวมทั้งการกระทำด้วยประการอื่นใดเพื่อให้ล่วงรู้ถึงข้อความในสิ่งสื่อสารทั้งหลายที่บุคคลติดต่อถึงกัน จะกระทำมิได้ เว้นแต่โดยอาศัยอำนาจอะไรบ้าง
ก.บทบัญญัติแห่งกฎหมายเฉพาะ เพื่อรักษาความมั่นคงของรัฐ
ข.บทบัญญัติแห่งกฎหมายเฉพาะ เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน
ค.ถูกทั้ง ก. และ ข.*                           ง.ไม่มีข้อใดถูก
13.บุคคลย่อมมีเสรีภาพบริบูรณ์ในการนับถือศาสนา นิกายของศาสนา หรือลิทธินิยมในศาสนา และย่อมมีเสรีภาพในการปฏิบัติตามศาสนาบัญญัติหรือปฏิบัติพิธีกรรมตามความเชื่อของตนเมื่อไม่เป็นปฏิปักษ์ต่ออะไร
ก.หน้าที่ของพลเมือง                   ข.ไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน
ค.ไม่เป็นการขัดต่อศีลธรรมอันดีของประชาชน               ง.ถูกทุกข้อ*
14.บุคคลย่อมมีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น การพูด การเขียน การพิมพ์ การโฆษณา และการสื่อความหมายโดยวิธีอื่น การจำกัดเสรีภาพจะกระทำมิได้ เว้นแต่โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายเฉพาะด้านใด
ก.เพื่อรักษาความมั่นคงของรัฐ
ข.เพื่อคุ้มครองสิทธิ เสรีภาพ เกียรติยศ ชื่อเสียง สิทธิในครอบครัว หรือความเป็นอยู่ส่วนตัวของบุคคลอื่น
ค.เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนหรือเพื่อป้องกันหรือระงับความเสื่อมทรามของจิตใจหรือสุขภาพของประชาชน
15.คลื่นความถี่ที่ใช้ในการส่งวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และวิทยุโทรคมนาคม เป็นทรัพยากรสื่อสารของใคร เพื่อประโยชน์สาธารณะ
ก.การสื่อสารแห่งประเทศไทย          ข.องค์การโทรศัพท์
ค.ชาติ*                                                ง.ถูกทุกข้อ
16.พนักงานหรือลูกจ้างของเอกชนที่ประกอบกิจการหนังสือพิมพ์ วิทยุกระจายเสียง หรือวิทยุโทรทัศน์ ย่อมมีเสรีภาพในการเสนอข่าวและแสดงความคิดเห็นภายใต้ข้อจำกัดความกฎหมายอะไร โดยไม่ตกอยู่ภายในอาณัติของหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือเจ้าของกิจการนั้น
ก.รัฐธรรมนูญ *                                                              ข.กฎหมายอาญา
ค.พระราชบัญญัติการพิมพ์และการสื่อสาร                    ง.ถูกทุกข้อ
17.บุคคลย่อมมีเสรีทางวิชาการ การศึกษา การเรียนการสอน การวิจัย และการเผยแพร่งานวิจัยตามหลักวิชาการ ย่อมได้รับความคุ้มครอง ทั้งนี้ เท่าที่ไม่ขัดต่ออะไร
ก.ระเบียบของสถาบันการศึกษา
ข.หน้าที่ของพลเมืองหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน*
ง.ถูกทุกข้อ
18.บุคคลย่อมมีสิทธิเสมอกันในการรับการศึกษาขั้นพื้นฐานไม่น้อยกว่ากี่ปี ที่รัฐจะต้องจัดให้อย่างทั่วถึงและมีคุณภาพโดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย
ก.       6 ปี                                      ข.       9 ปี
ค.       12. ปี *                                 ง.       16. ปี
19.บุคคลย่อมมีเสรีภาพในการชุมนุมอย่างไร
ก.โดยสงบ                                       ข.โดยปราศจากอาวุธ
ค.ถูกทั้งข้อ ก.และ ข.*                      ง.ไม่ขัดต่อระบบการเมือง
20.บุคคลย่อมมีเสรีภาพในการรวมกันเป็นสมาคม  สหภาพ และรวมกันเป็นอะไรอีก
ก.สหพันธ์                                       ข.สหกรณ์ กลุ่มเกษตรกร
ค.องค์เอกชน หรือหมู่คณะอื่น         ง.ถูกทุกข้อ*
21.บุคคลซึ่งรวมกันเป็นชุมชนที่อยู่กันดั้งเดิม ย่อมมีสิทธิอย่างไร
ก.สิทธิอนุรักษ์หรือฟื้นฟูจารีตประเพณี ภูมิปัญญาท้องถิ่น
ข.สิทธิอนุรักษ์หรือวัฒนธรรมอันดีของท้องถิ่นและของชาติ
ค.มีส่วนร่วมในการจัดการ การบำรุงรักษา และการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างสมดุลและยั่งยืน
ง.ถูกทุกข้อ*
22.สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรซึ่งเป็นสมาชิกของพรรคการเมือง กรรมการบริหารพรรคการเมือง หรือสมาชิกพรรคการเมืองตามจำนวนที่กำหนดในกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ซึ่งเห็นว่ามติหรือข้อบังคับในเรื่องใดของพรรคการเมืองที่ตนเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตามรัฐธรรมนูญนี้ หรือขัดหรือแย้งกับหลักการพื้นฐานแห่งการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข มีสิทธิเรียกร้องขอให้ศาลใดวินิจฉัย
ก.ศาลรัฐธรรมนูญ*                                  ข.ศาลแพ่ง
ค. ศาลอาญา                                              ง.ศาลชั้นต้น
23.สิทธิของบุคคลใดในทรัพย์สินย่อมได้รับความคุ้มครองขอบเขตแห่งสิทธิ และการจำกัดสิทธิเช่นว่านี้ เป็นไปตามอะไร
ก.กฎหมายบัญญัติ*                            ข.เจ้าของทรัพย์สิน
ค.คำสั่งเจ้าพนักงานของรัฐ                ง.ศาลชั้นต้น
24.การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์จะกระทำมิได้ เว้นแต่โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายเฉพาะในด้านใด
ก.การอันเป็นสาธารณูปโภค การอันจำเป็นในการป้องกันประเทศ
ข.การได้มาซึ่งทรัพยากรธรรมชาติ การผังเมือง
ค.การส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม การพัฒนาการเกษตร หรือการอุตสาหกรรม การปฏิรูปที่ดินหรือเพื่อประโยชน์สาธารณะอย่างอื่น และต้องชดใช้ค่าทดแทนที่เป็นธรรมในเวลาอันควร
ง.ถูกทุกข้อ*
25.บุคคลย่อมมีเสรีภาพในการประกอบกิจการหรือประกอบอาชีพและการแข่งขันอย่างไร
ก.โดยเสรี                                         ข.อย่างเป็นธรรม
ค.ถูกทั้ง ก. และ ข. *                            ง.ไม่มีข้อใดถูก
26.การเกณฑ์แรงงานจะกระทำมิได้ เว้นแต่โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายเฉพาะ เพื่อประโยชน์ในการป้องปัดภัยพิบัติสาธารณะอันมีมาเป็นการฉุกเฉิน หรือโดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายซึ่งให้กระทำได้ในเวลาใด
ข.เวลาที่ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินหรือประกาศใช้กฎอัยการศึก
ค.ถูกทั้ง ก.  และ ข.*
ง.ไม่มีข้อใดถูก
27.บุคคลย่อมมีสิทธิเสมอกันในการรับบริการทางสาธารณสุขที่ได้มาตรฐาน และผู้ยากไร้มีสิทธิได้รับการรักษาพยาบาลจากสถานบริการสาธารณสุขของรัฐอย่างไร
ก.เสียค่าใช้จ่ายกึ่งหนึ่งของปกติ                      ข.ไม่เสียค่าใช้จ่าย*
ค.เสียค่าใช้จ่ายเพียงหนึ่งในสามของปกติ
ง.เสียค่าใช้จ่ายเพียงยี่สิบห้าเปอร์เซ็นต์
28.เด็ก เยาวชน และบุคคลในครอบครัว มีสิทธิได้รับความคุ้มครองโดยรัฐหากถูกกระทำอย่างไร
ก.จากการใช้ความรุนแรง                  ข.การปฏิบัติอันไม่เป็นธรรม
ค.ถูกทั้ง ก.  และ ข.*                           ง.ไม่มีข้อใดถูก
29.บุคคลซึ่งอายุเกินกี่ปีบริบูรณ์และไม่มีรายได้เพียงพอแก่การยังชีพ มีสิทธิได้รับความช่วยเหลือจากรัฐ ทั้งนี้ตามที่กฎหมายบัญญัติ
ก. 60 ปี*                                             ข. 65 ปี
ค. 70 ปี                                               ง. 75 ปี
30.บุคคลอย่างไรที่มีสิทธิได้รับสิ่งอำนวยความสะดวกอันเป็นสาธารณะ และความช่วยเหลืออื่นจากรัฐ ทั้งนี้ ตามที่กฎหมายบัญญัติ
ก.บุคคลซึ่งพิการ                                ข.บุคคลซึ่งทุพพลภาพ
ค.ถูกทั้ง ก. และ ข.*                            ง.ไม่มีข้อใดถูก
31.การดำเนินโครงการหรือกิจกรรมที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบอย่างรุนแรงต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อมจะกระทำมิได้ เว้นแต่จะต้องดำเนินการอย่างไรก่อน
ก.ศึกษาและประเมินผลกระทบต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อม
ข.ให้องค์การอิสระซึ่งประกอบด้วยผู้แทนองค์การเอกชนด้านสิ่งแวดล้อมและผู้แทนสถาบันอุดมศึกษาที่จัดการศึกษาด้านสิ่งแวดล้ม ให้ความเห็นประกอบก่อน
ค.ถูกทั้ง ก.  และ ข.*
ง.ไม่มีข้อใดถูก
32.สิทธิของบุคคลซึ่งเป็นผู้บริโภคย่อมได้รับความคุ้มครอง ทั้งนี้ ตามที่กฎหมายบัญญัติ กฎหมายที่บัญญัติต้องให้มีองค์การอิสระ ซึ่งประกอบด้วยตัวแทนผู้บริโภค ทำหน้าที่ให้ความเห็นในเรื่องอะไรบ้าง
ก.การตรวจกฎหมาย กฎ และข้อบังคับ
ข.การใช้ความเห็นในการกำหนดมาตรการต่างๆ เพื่อคุ้มครองผู้บริโภค
ค.ถูกทั้งข้อ ก. และ ข.*
ง.ไม่มีข้อใดถูก
33.บุคคลย่อมมีสิทธิได้รับทราบข้อมูลหรือข่าวสารสาธารณะในครอบครองของหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือราชการส่วนท้องถิ่น มีข้อยกเว้นอย่างไร
ก.การเปิดเผยข้อมูลนั้นจะกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ
ข.กระทบต่อความปลอดภัยของประชาชน
ค.กระทบต่อส่วนได้เสียอันพึงได้รับความคุ้มครองของบุคคลอื่น
ง.ถูกทุกข้อ*
34.บุคคลย่อมมีสิทธิได้รับข้อมูล คำชี้แจง และเหตุผล จากหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือราชการส่วนท้องถิ่น ก่อนอนุญาตหรือการดำเนินโครงการ หรือกิจกรรมใดที่อาจมีผลกระทบต่ออะไรบ้าง
ก.คุณภาพสิ่งแวดล้อม สุขภาพอนามัย คุณภาพชีวิต*
ค.สิทธิแสดงความคิดเห็นของตนในเรื่องดังกล่าว ทั้งนี้ ตามกระบวนการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนที่กฎหมายบัญญัติ
ง.ถูกทุกข้อ
35.บุคคลย่อมมีสิทธิมีส่วนร่วมในกระบวนการพิจารณาของเจ้าหน้าที่ของรัฐ ในการปฏิบัติราชการทางปกครอง อันมีผลหรืออาจมีผลกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของตนหรือไม่
ก.มีสิทธิ*                                         ข.ไม่มีสิทธิ
ค.ถูกทั้ง ก.  และ ข.                           ง.ไม่มีข้อใดถูก
36.บุคคลย่อมมีสิทธิเสนอเรื่องราวร้องทุกข์และได้รับแจ้งผลการพิจารณาภายในเวลาอย่างไร
ค.ขึ้นอยู่กับเจ้าหน้าที่ของรัฐ              ง.ถูกทุกข้อ
37.สิทธิของบุคคลที่จะฟ้องหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ ราชการส่วนท้องถิ่นหรือองค์กรอื่นของรัฐ ที่เป็นนิติบุคคลให้รับผิด เนื่องจากการกระทำหรือการละเว้นการกระทำของ ข้าราชการ พนักงาน หรือลูกจ้างของหน่วยงานนั้น จะได้รับความคุ้มครองหรือไม่
ก.ได้ความความคุ้มครอง*                           ข.ไม่ได้รับความคุ้มครอง
ค.ขึ้นอยู่กับสถานภาพของบุคคลนั้น          ง.ไม่มีข้อใดถูก
38.บุคคลจะใช้สิทธิและเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ เพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญนี้ หรือเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ มิได้   ในกรณีที่บุคคลหรือพรรคการเมืองใดกระทำการตามวรรคหนึ่ง ผู้รู้เห็นการกระทำการดังกล่าว ย่อมมีสิทธิเสนอเรื่องให้หน่วยงานใดตรวจสอบข้อเท็จจริง และยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสั่งการให้เลิกการกระทำดังกล่าว แต่ทั้งนี้ไม่กระทบกระเทือนการดำเนินคดีอาญาต่อผู้กระทำดังกล่าว
ก.ศาล                                                ข.อัยการสูงสุด*
ค.ตำรวจ                                            ง.ราชทัณฑ์
39.บุคคลผู้เป็นทหาร ตำรวจ ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ของรัฐ พนักงานส่วนท้องถิ่น และพนักงานหรือลูกจ้างขององค์การของรัฐ ย่อมมีสิทธิและเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญเช่นเดียวกับบุคคลทั่วไป เว้นแต่ที่จำกัดในกฎหมาย กฎ หรือข้อบังคับที่ออกโดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายเฉพาะในสิ่งนั้นเกี่ยวกับอะไร
ก.การเมือง                                         ข.สมรรถภาพ
ค.วินัยหรือจรรยาบรรณ                     ง.ถูกทุกข้อ*
40.บุคคลย่อมมีสิทธิต่อต้านโดยวิธีการอย่างใด ซึ่งการกระทำใดๆ ที่เป็นไปเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศ โดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญนี้
ก.โดยสันติ*                                       ข.โดยรุนแรง
ค.โดยใช้อาวุธ                                    ง.ถูกทุกข้อ
41.บุคคลชาวไทยมีหน้าที่ตามกฎหมายรัฐธรรมนูญอย่างไร
ก.รักษาชาติ ศาสนา และการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ข.มีหน้าที่ปฏิบัติตามกฎหมาย และไปใช้สิทธิเลือกตั้ง
ค.ป้องกันประเทศ รับราชการ เสียภาษีอากร ช่วยเหลือราชการ รับการศึกษาอบรมพิทักษ์ ปกป้อง และสืบสานวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่น และอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ง.ถูกทุกข้อ*
42.บุคคลซึ่งไม่ไปเลือกตั้งโดยแจ้งเหตุอันควรที่ทำให้ไม่อาจไปเลือกตั้งได้ ย่อมเสียสิทธิตามที่กฎหมายบัญญัติหรือไม่
ก.เสียสิทธิ *                                             ข.ไม่เสียสิทธิ
ค.เป็นสิทธิเฉพาะตัวจึงไม่เสียสิทธิ          ง.ถูกทุกข้อ
43.ในกรณีที่บุคคลผู้เป็นข้าราชการ พนักงาน หรือลูกจ้างของหน่วยงานราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ หรือของราชการส่วนท้องถิ่น และเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ มีหน้าที่ดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย หากบุคคลดังกล่าวไม่วางตัวเป็นกลางทางการเมือง บุคคลผู้มีส่วนได้เสียย่อมมีสิทธิอย่างไร
ก.ร้องต่อศาลให้ลงโทษ
ข.ขอให้บุคคลดังกล่าวหรือผู้บังคับบัญชาของบุคคลดังกล่าวชี้แจงเหตุผลและขอให้ดำเนินการตามกฎหมาย*
ค.ร้องต่อเจ้าพนักงานตำรวจ
ง.ร้องต่อพนักงานอัยการ
44.รัฐต้องพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์และอะไรอีก
ก.เอกราช                                          ข.บูรณภาพแห่งอาณาเขต
ค.ถูกทั้งข้อ ก. และ ข.*                      ง.ไม่มีข้อใดถูก
45.รัฐมีนโยบายพื้นฐานอย่างไร
ก.จัดให้มีกำลังทหารไว้ เพื่อพิทักษ์รักษาเอกราช ความมั่นคงของรัฐ สถาบันพระมหากษัตริย์ ผลประโยชน์ของชาติ การปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และเพื่อการพัฒนาประเทศ
ข.ให้ความอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนาและศาสนาอื่น ส่งเสริมความเข้าใจอันดีและความสมานฉันท์ระหว่างศาสนิกชนของทุกศาสนา
ค.ส่งเสริมสัมพันธไมตรีกับนานาประเทศ ดูแลให้มีการปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของบุคคล จัดระบบงานของกระบวนการยุติธรรมให้มีประสิทธิภาพและอำนวยความยุติธรรมแก่ประชาชนอย่างรวดเร็วและเท่าเทียมกัน จัดสรรงบประมาณให้พอเพียงกับการบริหารงานโดยอิสระของคณะกรรมการการเลือกตั้ง ผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภา คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ศาลรัฐธรรมนูญ ศาลยุติธรรม ศาลปกครอง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติและคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน
ง.ถูกทุกข้อ*
46.นอกจากนโยบายพื้นฐานของรัฐตามที่กล่าวในข้อ 46 แล้ว รัฐยังมีนโยบายอื่นอีกอย่างไร
ก.รัฐต้องส่งเสริมและสนับสนุนการมีส่วนร่วมของประชาชนในการกำหนดนโยบาย การตัดสินใจทางการเมือง การวางแผนพัฒนาทางเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง รวมทั้งการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐทุกระดับ
ข.รัฐต้องจัดให้มีแผนพัฒนาการเมือง จัดทำมาตรฐานทางคุณธรรมและจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ข้าราชการเพื่อป้องกันการทุจริตและประพฤติมิชอบและเสริมสร้างประสิทธิภาพในการปฏิบัติหน้าที่
ค.รัฐต้องกระจายอำนาจให้ท้องถิ่นพึ่งตนเองและตัดสินใจในกิจการท้องถิ่นได้เองอย่างทั่วถึง และเท่าเทียมกันทั้งประเทศ
47.ข้อใดถือได้ว่าเป็นแนวนโยบายแห่งรัฐ
ก.รัฐต้องส่งเสริมและสนับสนุนให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการสงวน บำรุงรักษา และใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติและความหลากหลายทางชีวภาพอย่างสมดุล
ข.รัฐต้องคุ้มครองและพัฒนาเด็กและเยาวชน ส่งเสริมความเสมอภาพของหญิงชาย เสริมสร้างและพัฒนาความเป็นปึกแผ่นของครอบครัว และความเข้มแข็งของชุมชน สงเคราะห์คนชรา ผู้ยากร้า ผู้พิการหรือทุพพลภาพ และผู้ด้อยโอกาส
ค.รัฐต้องจัดการศึกษาอบรมและสนับสนุนให้เอกชนจัดการศึกษาอบรมให้เกิดความรู้คู่คุณธรรม จัดส่งเสริมการสาธารณสุขดำเนินการให้มีการกระจายรายได้อย่างเป็นธรรม
ง.ถูกทุกข้อ*
48.ข้อใดดังต่อไปนี้ถือได้ว่าเป็นแนวนโยบายแห่งรัฐ
ก.จัดระบบการถือครองที่ดิน และการใช้ที่ดินอย่างเหมาะสม จัดหาแหล่งน้ำเพื่อการเกษตร
ข.ส่งเสริมให้ประชากรวัยทำงานมีงานทำ คุ้มครองแรงงาน โดยเฉพาะแรงงานเด็กและแรงงานหญิง จัดระบบแรงงานสัมพันธ์ การประกันสังคม รวมทั้งค่าตอบแทนแรงงานให้เป็นธรรม
ค.สนับสนุนระบบเศรษฐกิจแบบเสรี โดยอาศัยกลไกตลาด กำกับดูแลให้มีการแข่งขันอย่างเป็นธรรม คุ้มครองผู้บริโภค ป้องกัน การผูกขาด ยกเลิกและละเว้นการตรากฎหมายและกฎเกณฑ์ที่ควบคุมธุรกิจที่ไม่สอดคล้องกับความจำเป็นทางเศรษฐกิจ และต้องไม่ประกอบกิจการแข่งขันกับเอกชน เว้นแต่มีความจำเป็นเพื่อประโยชน์ในการรักษาความมั่นคงของรัฐ รักษาผลประโยชน์ส่วนรวม หรือการจัดให้มีการสาธารณูปโภค
ง.ถูกทุกข้อ*
49.ในการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาตามมาตรา 211 คณะรัฐมนตรีที่จะเข้าบริหารราชการแผ่นดิน ต้องชี้แจงต่อรัฐสภาให้ชัดแจ้งว่า จะดำเนินการใด เพื่อบริหารราชการแผ่นดินให้เป็นไปตามแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ ตามที่บัญญัติไว้ และต้องจัดทำรายงานแสดงผลการดำเนินการ รวมทั้งปัญหาและอุปสรรค เสนอต่อรัฐสภาปีละกี่ครั้ง
ก. 1 ครั้ง                                            ข. 2 ครั้ง
ค. 3 ครั้ง                                            ง. 4 ครั้ง
50.เพื่อประโยชน์ในการดำเนินการตามแนวนโยบายพื้นฐานของรัฐ ให้รัฐจัดให้มีสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติขึ้น สภาฯดังกล่าวมีหน้าที่อย่างไร
ก.ให้คำปรึกษาและข้อเสนอแนะต่อคณะรัฐมนตรี ในปัญหาต่างๆ ที่เกี่ยวกับเศรษฐกิจและสังคม
ข.ให้ความเห็นแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และแผนอื่นตามที่กฎหมายบัญญัติ
ค.ถูกทั้งข้อ ก. และ ข.*
ง.ไม่มีข้อใดถูก
51.รัฐสภาประกอบด้วยสภาอะไรบ้าง
ก.สภาผู้แทนราษฎร                          ข.วุฒิสภา
ค.ถูกต้อง ก. และ ข.*                         ง.ไม่มีข้อใดถูก
52.ผู้ใดเป็นประธานรัฐสภา
ก.ประธานสภาผู้แทนราษฎร*            ข.ประธานวุฒิสภา
ค.ถูกทั้ง ก. และ ข.                             ง.ไม่มีข้อใดถูก
53.รัฐธรรมฉบับใหม่นี้มีกี่หมวด กี่มาตรา
ก.12 หมวด 336 มาตรา*                    ข.10 หมวด 336 มาตรา
ค.12 หมวด 363 มาตรา                     ง.10 หมวด 363 มาตรา
54.รัฐธรรมนูญฉบับใหม่นี้ กำหนดให้
ข.มี ส.ส.ได้ 400 คน และ มี ส.ว.ได้ 200 คน
ค.มี ส.ส.ได้ 500 คน และ มี ส.ว.ได้ 100 คน
ง.มี ส.ส.ได้ 400 คน และ มี ส.ว.ได้ 100 คน
55.รัฐธรรมนูญฉบับใหม่นี้ กำหนดให้มีคณะรัฐมนตรีรวมทั้งนายกฯ ด้วย รวมเป็นกี่คน
ก.34 คน                                             ข.35 คน
ค.36 คน*                                           ง.37 คน
56.รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 นี้เป็นรัฐธรรมนูญฉบับที่เท่าใด
ก.ฉบับที่ 14                                      ข.ฉบับที่ 15
ค.ฉบับที่ 16*                                     ง.ฉบับที่ 17
57.ผู้ที่มีอำนาจแต่งตั้ง หรือให้องคมนตรีพ้นตำแหน่ง คือ
ก.นายกรัฐมนตรี                               ข.พระมหากษัตริย์*
ค.ประธานรัฐสภา                             ง.ประธานองค์มนตรี

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น